ยังซังมันใช้ค้อนฟาดซงซอลจนหมดสติและมัดเธอไว้ในลิฟต์ของตึกเน็กซ์ออฟฟิศเทลซึ่งมีตัวจุดระเบิดแรงสูงอยู่ในนั้น เขายึดโทรศัพท์และบัตรประจำตัวของเธอไว้ ก่อนที่จะโทรนัดพบกับหัวหน้าด๊กโกซุนอดีตภรรยาของตัวเองที่ชั้นดาดฟ้า 

ร่างที่พบในที่เกิดเหตุคือศพของบงโดจิน ซงซอลอยู่ที่โรงพยาบาลและได้พบกับโดจินในฝัน เขาสวมแหวนวงนั้นให้กับเธอและบอกว่า ช่วงหลังเขากลัวการเข้าไปผจญกองเพลิงเพราะกลัวว่าจะไม่ได้กลับออกมาพบเธออีก ซงซอลรู้สึกแปลกใจกับคำพูดของโดจินจนน้ำตาไหลออกมาทั้งที่ยังไม่ได้สติ 

ซงซอลติดอยู่ใต้ซากตึกที่ถล่มและวิทยุสื่อสารชำรุด เธอพยายามช่วยเหลือพนักงานส่งอาหารชเวดูจุนที่บาดเจ็บสาหัสอยู่ตรงนั้น หัวหน้าพัคโฮยอนนำทีมกำลังเสริมมาช่วยโดยการลงไปติดตั้งเซนเซอร์จับเสียงเพื่อหาผู้รอดชีวิต และได้ยินเสียงของชเวดูจุนกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดขณะที่ซงซอลทำแผลให้ 

จินโฮแก (หมาจินโด) กำลังตามหาตัวคนร้ายโจอิลจุนเพราะคิดว่าเป็นมือวางเพลิงต่อเนื่อง เขาจึงไปที่เรือนจำเพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมจากนักโทษฮายองดู (กระรอกไฟย่านบงโอ) อาชญากรวางเพลิงต่อเนื่องที่เลวร้ายที่สุด เพราะต้องการรู้เหตุผลและแรงจูงใจของคนร้าย 

โดฮาแปลกใจที่ซลฮีรู้ว่าคนเหล่านั้นเป็นนักข่าว แต่เธออ้างว่าพวกเขาน่าจะเป็นเจ้าหนี้ของเขาและพาเขาไปหลบที่ห้องของเธอ ซลฮีชวนโดฮาพูดคุยสารพัดเรื่องเพื่อจับโกหก แต่เขาพูดความจริงทุกเรื่องแม้กระทั่งชื่อคิมซึงจูที่เป็นชื่อของเขาเอง ซลฮีรู้ว่าเขาไม่ได้พูดโกหกและคิดว่าพลังเทพในตัวเธอใช้ไม่ได้ผลกับเขา 

โดฮาตกใจและไม่รู้เหตุผลที่ซลฮีถอดแมสก์ของเขา หลังจากนั้นเขาจึงไปพักที่อื่นเพื่อหลบหน้าเธอ ซลฮีหาข้อมูลเกี่ยวกับโดฮาและรู้ว่าเขาคือนักแต่งเพลงที่มีค่าลิขสิทธิ์สูงสุดในสังกัดเจเอนเตอร์เทนเมนต์ เธอจึงรู้สึกแย่ที่เคยเข้าใจว่าเขาหลบหน้าเจ้าหนี้ 

สายสืบอีคังมิน อดีตคนรักของซลฮีย้ายมาประจำที่สถานียอนซอ ครั้งหนึ่งเขาเคยขอซลฮีแต่งงานแต่เธอขอเลิกกับเขาเพราะจับได้ว่าเขาโกหก

ซารังคิดว่าตนเองจะลาออกจากโรงแรมคิงเพื่อทำงานที่ตนเองรักจริงๆ ตามคำแนะนำของคุณย่า กูวอนยอมรับฟังและไม่ขัดความต้องการของเธอ เขาขอให้เธอตั้งใจทำงานนั้นอย่างมุ่งมั่น แต่หากมีอุปสรรคใดๆ เขาก็พร้อมจะอยู่เคียงข้างเธอเสมอ กูวอนตัดสินใจเลื่อนการขอแต่งงานไปก่อนเพื่อให้เวลาซารัง

ฮันมีโซ (แม่ของกูวอน) เคยโดนบีบบังคับจากพ่อของสามี (ท่านประธานกู) และโดนเนรเทศเช่นเดียวกับซารัง ในตอนนั้นเธอเป็นหัวหน้าสหภาพแรงงานซึ่งทำให้พ่อสามีไม่พอใจ ท่านประธานอ้างว่าตนเองไม่มีทางเลือกเพราะเห็นแก่บริษัท ฮันมีโซยอมจากไปและอยู่อย่างไร้ตัวตน แต่เธอกลับมาคราวนี้เพื่อปกป้องกูวอนและจะไม่ยอมอยู่เฉย หากเขาถูกกดดันจากท่านประธานเพื่อให้เห็นแก่บริษัทและวงศ์ตระกูลเหมือนกับในอดีต 

ซลฮีแน่ใจว่าคิมโดฮาไม่ใช่คนร้าย ชาวบ้านจึงช่วยกันหาคนร้ายตัวจริงที่ปะปนอยู่ในกลุ่มของพวกเขา ซึ่งมีกลิ่นน้ำหอมที่ผู้ช่วยของซลฮีฉีดใส่หน้า ซลฮีเพิ่งรู้ว่าคิมโดฮาเพิ่งย้ายมาอยู่ห้องติดกับเธอ เธอรู้สึกว่าเขาเป็นคนแปลกทั้งที่ไม่ใช่คนร้ายแต่ไม่ยอมเปิดแมสก์เพื่อเปิดเผยใบหน้า

มกซลฮี(#คิมโซฮยอน)มีความสามารถพิเศษตั้งแต่เกิดโดยรู้ว่าใครกำลังพูดโกหก เธอใช้ความสามารถนี้ในการทำมาหาเลี้ยงชีพโดยมีฉายาว่า”นักล่าคนโกหก” และมีคำพูดที่เป็นเอกลักษณ์ประจำตัวว่า ”ถ้าฉันบอกว่าใช่...ก็ต้องใช่”

เมื่อห้าปีก่อนแก๊งนักเลงดูม๊กว่าจ้างเธอเพื่อให้จับผิดลูกน้องที่โกหกและทรยศ ทำให้ลูกน้องคนนั้นแค้นใจและตามล่าเธอ มกซลฮีจึงต้องรีบหนีและขึ้นรถโดยสารเพื่อเดินทางกลับโซล 

ข่าวประโคมเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างกูวอนกับซารังในทางลบ ท่านประธานใหญ่ยอมเสียเงินจำนวนมากเพื่อปิดข่าวนี้ แต่ฮวารันยอมจ่ายมากกว่าเป็นสองเท่าเพื่อกระพือข่าวให้มากและนานที่สุด เพราะอยากตัดโอกาสของกูวอนในการรับตำแหน่งประธานในเดือนหน้า 

ซารังถูกส่งตัวไปอยู่ดรีมทีมเพื่อทำหน้าที่พิเศษชั่วคราวที่บ้านของท่านประธานใหญ่ ถึงแม้เธอจะได้ยินท่านประธานพูดถึงการแต่งงานของกูวอนกับยูรี แต่ซารังก็ไม่ได้เก็บมาคิดมาก กูวอนกลับรู้สึกกังวลและเป็นห่วงความรู้สึกของเธอ ซารังได้เจอกับคุณหนูจีฮูซึ่งเป็นลูกชายคนเดียวของฮวารัน จีฮูโดดเดี่ยวไม่มีเพื่อนเล่นและไม่เคยได้ใช้เวลากับแม่ เขาจึงรู้สึกถูกชะตาและอยากเล่นกับซารัง