ชื่อเรื่องย่อหลัก

มูฮักไม่รู้เรื่องศิลปะเอาเสียเลย เมื่อดัลลีพูดถึงดาวินชี่ที่ครั้งหนึ่งเคยอยากเป็นเชฟ ทำให้มูฮักนึกถึงร้านอาหารชื่อดาวินชี่ในเกาหลี ดัลลีจึงหัวเราะและบอกว่าเขาเป็นคนอารมณ์ขัน มูฮักรู้สึกแปลกและคิดว่าเป็นอาการเจ็ตแล็กที่เพิ่งรู้จักเธอซึ่งเป็นคนแปลกหน้าแต่กลับคุยกัน กินข้าวและหัวเราะด้วยกัน ดัลลีจึงอธิบายหลักการทางพระพุทธศาสนาซึ่งมูฮักไม่มีความรู้เรื่องนี้เลย

เช้าวันต่อมาดัลลีบอกมูฮักว่ามาดามโบรงก์ฝากขอบคุณที่ทำให้เธอรู้ว่าภาพวาดนั้นเป็นของปลอม มิสเตอร์จินไปงานปาร์ตี้ที่สมาคมสุกรอย่างสนุกสนานในนามของมูฮักและนอนหลับในเล้าหมู ลูกน้องของมูฮักพิ่งมาถึงอัมสเตอร์ดัม ดัลลีจึงขับรถไปส่งมูฮักที่โรงแรมเพื่ออยู่ทำธุรกิจต่ออีกสองสามวัน เขาฝากนาฬิกาข้อมือไว้กับเธอและบอกให้รอเพราะเขาจะไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์เมื่อเสร็จธุระ แต่ทว่าเขาลืมขอที่อยู่และเบอร์ติดต่อ เมื่อนึกขึ้นได้จึงวิ่งตามออกไปและเห็นเธอร้องไห้ขณะรับโทรศัพท์ก่อนที่จะขับรถออกไป

ยอมีรีและมูฮักช่วยกันตามหาดัลลีแต่ก็ไม่พบ ยอมีรีจึงคิดว่าดัลลีเป็นนักต้มตุ๋นที่หลอกเอานาฬิกาข้อมือราคาแพงของมูฮักไปและลาออกจากงานทันที
ดัลลีกลับมาเกาหลีในงานพิธีศพของพ่อ จางแทจินซึ่งเป็นผู้อำนวยการกลุ่มเซกีและเคยเกือบจะได้แต่งงานกับดัลลีก็ไปร่วมพิธีศพด้วย แม้ว่าดัลลีจะมีท่าทีเฉยชาแต่แทจินก็สั่งลูกน้องให้คอยดูแลงานศพอย่างดีและขอข้อมูลทางการเงินของหอศิลป์ชองซงโดยไม่ให้บอกใคร

หลังจากเสร็จพิธีศพของพ่อ ดัลลีจึงรู้ว่าหอศิลป์ชองซงมีภาระเงินกู้อยู่มากมายและกำลังจะล้มละลาย แม้ว่าดัลลีคิดจะขายทรัพย์สินเพื่อพยุงบ้านหอศิลป์ไว้ แต่ก็ติดปัญหาเพราะเป็นที่ดินเขตห้ามพัฒนาและหลักค้ำประกันของธนาคาร นอกจากนั้นยังมีภาษีมรดกที่ต้องชำระอีกด้วย

มูฮักเห็นดัลลีอยู่ในรถแท็กซี่คันหนึ่ง แต่เขาคิดว่าตัวเองคงตาฝาดและดัลลีก็คงไม่กลับมาเกาหลี เจ้าหน้าที่จูวอนทักซึ่งคิมนักชอนเคยอุปถัมภ์ราวกับเป็นลูกชายคนหนึ่ง ยังคงเสียใจกับการจากไปและเมามายจนกระทั่งไม่ไปทำงาน ดัลลีจึงไปตามหาเขาที่บ้านเพื่อนำเงินช่วยงานศพไปคืนและปลอบใจ

มูฮักคือเจ้าของบ้านเช่าที่วอนทักอาศัยอยู่ เขามาเคาะประตูเรียกเพื่อทวงค่าเช่าขณะที่วอนทักกำลังคุยอยู่กับดัลลี แต่มูฮักก็ยังไม่ได้พบกับดัลลีเพราะวอนทักไม่ยอมให้เข้าไปในบ้าน

มูฮักเพิ่งรู้ข่าวการเสียชีวิตของผู้อำนวยการคิมนักชอนที่ขอยืมเงินของเขาไป เพราะกลับจากอัมสเตอร์ดัมล่าช้ากว่ากำหนด มูฮักรับปากกับพ่อว่าเขาจะหาวิธีเอาเงินคืนให้ได้โดยจะติดต่อกับลูกสาวคนเดียวของคิมนักชอนซึ่งเป็นเจ้าของหอศิลป์ชองซง ดัลลีตัดสินใจที่จะสานต่องานของพ่อโดยจะไม่ปิดกิจการหรือขายทอดตลาด

มูฮักยกพวกไปที่หอศิลป์และนอนประท้วงอยู่ที่พื้นจนกว่าจะได้พบเจ้าของ ดัลลีเดินออกมาและทักทายมูฮักโดยที่เขาไม่รู้ว่าเธอคือลูกสาวของคิมนักชอน