ชื่อเรื่องย่อหลัก

ซงซอลติดอยู่ใต้ซากตึกที่ถล่มและวิทยุสื่อสารชำรุด เธอพยายามช่วยเหลือพนักงานส่งอาหารชเวดูจุนที่บาดเจ็บสาหัสอยู่ตรงนั้น หัวหน้าพัคโฮยอนนำทีมกำลังเสริมมาช่วยโดยการลงไปติดตั้งเซนเซอร์จับเสียงเพื่อหาผู้รอดชีวิต และได้ยินเสียงของชเวดูจุนกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดขณะที่ซงซอลทำแผลให้ 

การทุบซากตึกและเลื่อยคอนกรีตเพื่อเข้าไปช่วยพวกเขาจะทำให้เกิดอันตรายจากประกายไฟและแก๊สแอลพีจีรั่วไหลอยู่บริเวณนั้น ซงซอลพยายามปลุกชเวดูจุนที่หมดสติไป เธอรู้ดีว่าอากาศที่เหลืออยู่ไม่พอสำหรับสองคน เธอจึงสวมหน้ากากป้องกันแก๊สให้กับชเวดูจุนก่อนที่ตนเองจะหมดสติไป 

การจราจรติดขัดทำให้รถไนโตรเจนยังมาไม่ถึง หัวหน้าพัคโฮยอนสั่งยุติการช่วยเหลือเพราะไม่ต้องการเสียบุคลากรของตัวเอง โฮแกไม่พอใจเพราะเป็นห่วงซงซอลและคนที่ติดอยู่ข้างใน แต่ลูกน้องของหัวหน้าพัคโฮยอนยืนกรานที่จะช่วยเหลือต่อไป หัวหน้าซุนด๊อกโกจึงตัดสินใจใช้วิธีเพิ่มแรงดันจากถังออกซิเจนเพื่อไล่แก๊สแอลพีจี เมื่อระดับแก๊สลดลงจนอยู่ในระดับปลอดภัยแล้ว เจ้าหน้าที่จึงพยายามเข้าไปช่วยซงซอลและชเวดูจุนออกมาได้อย่างทุลักทุเล

บงโดจินดับไฟจุดใหญ่ที่โกดังโรงงานได้แล้ว แต่เขายังไม่สามารถตามไปช่วยซงซอลได้และกลับเข้าไปในโกดังอีกครั้ง เพื่อค้นหาเด็กอูฮยอกที่หายตัวไประหว่างที่เล่นซ่อนหากับเพื่อนๆ ไฟในโกดังเริ่มปะทุอีกครั้งและตึกกำลังจะถล่ม โดจินถอดเสื้อเกราะกันไฟให้กับอูฮยอกและส่งตัวเขาลงไปโดยให้กีซูรอรับอยู่ที่ด้านล่าง แต่เขายังไม่กลับลงไปและบอกกับกีซูว่าเขาเห็นเห็นเปลวไฟรูปดาว เจ้าหน้าที่ดับเพลิงและทีมกู้ภัยตามไปช่วยโดจินได้อย่างปลอดภัย 

ซงซอลถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลด้วยอาการโคม่าเพราะไม่พบชีพจร โฮแกจึงช่วยปั๊มหัวใจให้เธอ คังโดฮาอยู่ในรถและนั่งดูไฟไหม้โกดังอยู่ห่างๆ จากนั้นเขาก็โทรบอกใครบางคนว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะยุ่งด้วย

โดจินรีบไปเยี่ยมซอลที่โรงพยาบาลทันทีเพื่อจะบอกความในใจพร้อมกับแหวนที่นิ้วของเขา เจ้าหน้าที่พบศพคนงานในซากของโกดังร้าง