ชื่อเรื่องย่อหลัก

ขณะที่คังโฮยืนพยุงร่างของแม่ไว้นั้น ยองซุนรีบปลดเชือกที่คล้องคอของตัวเองเมื่อเห็นว่าลูกยืนได้ แต่คังโฮยังคงน้อยใจแม่ที่พาเขาไปอยู่สถานฟื้นฟู เพราะคิดว่าแม่จะทิ้งเขาไปอยู่คนเดียวในที่ที่ดีกว่า มีจูปลอบใจว่าท่านคงมีเหตุผลที่สักวันหนึ่งเขาจะเข้าใจเอง เช่นเดียวกับเธอที่ถูกทิ้งและอาจไม่มีวันได้รู้เหตุผล

ยองซุนอธิบายเหตุผลกับคังโฮว่าตอนนี้เธอป่วยและไม่อยากเป็นภาระของลูก แต่คังโฮกลับคิดว่าแม่ก็คือแม่ของเขา ซึ่งท่านเป็นคนดูแลเขาทุกอย่าง ยองซุนคิดได้ว่าคังโฮคือลูกของเธอที่อีกไม่นานก็จะหายเป็นปกติ จากนั้นเขาก็สามารถดูแลเธอและเป็นผู้ปกครองของเธอได้ ยองซุนเข้มงวดกับคังโฮอีกครั้งด้วยการพาไปปล่อยในน้ำตื้นเพื่อฝึกการพยุงขา และพาไปทำกายภาพบำบัดอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งเขากลับมาเดินได้อีกครั้ง

เพื่อนบ้านร่วมมือกันซื้อรถเข็นไฟฟ้าให้คังโฮ เพื่อเป็นการแสดงความเห็นใจยองซุนและแบ่งเบาภาระของเธอ แต่ในวันที่พวกเขานำรถไปมอบให้คังโฮและเห็นเขาเดินได้ ทุกคนต่างก็พากันดีใจ

ซัมชิกเกลี้ยกล่อมลูกน้องสองคนของประธานซงมาลงทุนทำเกษตรในหมู่บ้าน เพราะเขาหวังจะได้เงินก้อนโตจากการกู้สหกรณ์การเกษตรเพื่อนำไปใช้หนี้ของตัวเอง แต่ทว่าพวกเขาไม่ได้รับการอนุมัติเพราะเป็นพนักงานของบริษัทใหญ่และมีเงินประกันสังคมอยู่แล้ว ต่อมาลูกน้องประธานซงโกหกซัมชิกว่าพวกเขาลาออกจากบริษัทนั้นนานแล้ว

เด็กแฝดดีใจเพราะคิดว่าผู้ชายที่ขับรถหรูมาที่บ้านคือพ่อของพวกเขา ต่อมาแม่ของมีจูจึงได้รู้ว่าเขาคือเพื่อนของมีจูที่ถ่ายรูปคู่กับเธอตามที่เธอขอร้องเพื่อโกหกลูกๆว่าเขาคือพ่อ แต่ผู้ชายคนนี้เป็นแฟนกับซอนยองที่มาทวงหนี้กับมีจู ไม่เช่นนั้นเขาก็จะไปบอกเจ้าหนี้คนอื่นๆ ว่าเธออยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้

ทุกคนมารวมตัวกันที่บ้านของคังโฮเพื่อเลี้ยงฉลองที่เขาเดินได้ คังโฮนึกได้ว่าลูกน้องสองคนของประธานซงเป็นคนเดียวที่แอบอยู่ในตู้เสื้อผ้าของเขาและต่อสู้กับชายแปลกหน้าที่บุกเข้ามา แต่ซัมชิกและพ่อของเขาบอกว่าพวกเขามาซื้อที่เพื่อทำไร่จริงๆ จากนั้นลูกน้องของประธานซงก็ขอตัวกลับโดยอ้างว่าจะรีบไปรดน้ำผัก 

คังโฮบอกกับมีจูว่าเขาไม่ได้ถูกแม่ทอดทิ้งและปลอบใจเธอว่าเธอก็ไม่ได้ถูกใครทอดทิ้งเช่นกัน มีจูมองคังโฮอย่างหวั่นไหวและน้ำตาคลอเบ้า ซัมชิกแอบฟังพวกเขาคุยกันและคิดว่ามีจูยังคงมีใจให้กับคังโฮ 

ศิลปินแบคฮุนอาไม่ได้ไปร่วมงงานเลี้ยงเพราะไม่ถูกกับยองซุน เธอจึงนำอาหารในงานไปให้เขาที่บ้านและบอกว่าเธอตั้งใจจะยอมแพ้และยกฟาร์มหมูให้กับเขา แต่ตอนนี้คังโฮหายดีเป็นปกติแล้ว เธอจึงอยากมอบสมบัติชิ้นเดียวนี้ให้กับลูกเพื่อทำมาหากินต่อไป ยองซุนบอกกับเขาว่าเธอกำลังจะตายเพราะโรคมะเร็งระยะสุดท้าย และขอให้เขาเก็บเรื่องนี้เป็นความลับกับเพื่อนบ้านทุกคน

ซัมชิกขอมีจูแต่งงานเพราะอยากใช้ชีวิตกระหนุงกระหนิงกับเธอและเลี้ยงดูเด็กแฝดไปด้วยกัน แต่มีจูปฏิเสธโดยบอกว่าทั้งเขาและเธอต่างก็มีหนี้สินซึ่งต้องทำงานหนักเพื่อหาเงินใช้หนี้ ทั้งโดนไล่ล่าและหนีไปทั่วซึ่งเธอไม่มีเวลามาคิดเรื่องกระหนุงกระหนิงอย่างที่เขาพูด 

ยองซุนย้ายคังโฮกลับมานอนห้องของเขาเอง เพราะเธอจะค่อยๆ สอนเขาให้เรียนรู้วิธีการอยู่คนเดียวและโตเป็นผู้ใหญ่ ยองซุนไปที่อพาร์ตเมนต์เก่าของคังโฮซึ่งลุงยามมอบจดหมายของคังโฮที่ฝากไว้ให้เธอก่อนหน้าที่เขาจะประสบอุบัติเหตุ ยองซุนอ่านแล้วรู้สึกแปลกๆทั้งคำพูดและสำนวนที่ไม่เหมือนลูกชายของเธอ เมื่อกลับมาบ้านและถามคังโฮราวกับว่าเขาจะรู้บางอย่างล่วงหน้า แต่คังโฮจำไม่ได้และนึกไม่ออก
ยองซุนพาคังโฮไปธนาคารเพื่อสอนการทำธุรกรรมต่างๆ เธอเพิ่งรู้จากเจ้าหน้าที่สำนักงานอัยการว่าฮายองคือลูกสาวของโอแทซู เธอจึงขอเบอร์เพราะสงสัยบางอย่างเกี่ยวกับคังโฮ แต่เจ้าหน้าที่คนนั้นบอกว่าเขาไม่มีเบอร์และฮายองก็กำลังจะแต่งงาน 
ยองซุนพาคังโฮไปถ่ายรูปคู่ด้วยกันและถ่ายรูปเดี่ยวของตัวเองเพื่อใช้สำหรับงานศพ จากนั้นเธอก็จำลองสถานการณ์และสอนคังโฮทุกอย่างเมื่อต้องอยู่ในงานศพจริงๆ ยองซุนทบทวนคำพูดในจดหมายของคังโฮที่บอกว่าในความทรงจำของเขามีทั้งพ่อและแม่ จากนั้นเธอจึงไปเปิดกรอปรูปครอบครัวและพบบางอย่างที่คังโฮซ่อนไว้ในนั้น