ชื่อเรื่องย่อหลัก

โจมีจองคือศพหญิงสาวรายล่าสุดที่ถูกพบในสวนองุ่น ในที่เกิดเหตุมูจีเห็นข้อความที่ฆาตกรใช้เลือดเขียนถึงเขา นอกจากนั้นยังพบนาฬิกาข้อมือตกอยู่อีกหนึ่งเรือน ตำรวจคิดว่าน่าจะมีเหยื่อรายอื่นอีก จึงตั้งทีมพิเศษขึ้นมาเพื่อทำคดีนี้

ดร.อี แวะไปหาจีอึนเพื่อถามเรื่องลูกชายของเธอ จากนั้นเขาก็ไปที่โรงพยาล และเห็นหมอซองโยฮันกำลังผ่าตัดหัวหน้าแก๊งนักเลง ซึ่งลูกน้องแก๊งใช้มีดข่มขู่หมอให้รีบรักษาหัวหน้าของเขา แต่หมอโยฮันไม่มีท่าทีหวาดกลัวแต่ กลับบอกว่าเขาใช้มีดเก่งกว่าและรู้ว่าจุดไหนที่ทำให้เลือดพุ่งกระฉูดออกมา ดร.อีเฝ้าดูหมอโยฮันอยู่ห่างๆ ขณะเดียวกันพีดีชเวพาแม่ของเทรนเนอร์ที่ถูกฆ่า มารักษาที่นี่ เมื่อโกมูจีมาถึง หมอโยฮันบอกกับพีดีชเวและมูจีว่า อีกไม่นานคนไข้รายนี้ก็จะพยายามฆ่าตัวตายอีก ทุกอย่างอยู่ในสายตาของ ดร.อี

โกมูจีไม่พอใจที่พี่ชายของเขาเฉยเมยต่อการตายของพ่อแม่และมาเป็นบาทหลวง เมื่อเห็นกล่องข้าวที่บาทหลวงโกมูวอนนำไปวางไว้หน้าบ้าน ทำให้มูจีไม่พอใจและมาตามหาเขาในหมู่บ้าน

บารึมตกใจเมื่อรู้ว่านาฬิกาที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุนั้นเป็นของชีกุก จึงรีบมาบอกบาทหลวงที่กำลังคุยอยู่กับมูจี ทั้งสามคนจึงไปหาชีกุกที่โรงพยาบาลซึ่งอยู่ในอาการโคม่า มูจีไม่เชื่อว่านักโทษที่แทงชีกุกจะเป็นคนร้ายตัวจริง เพราะเขาอยู่ในเรือนจำ จึงไม่สามารถนำนาฬิกาของชีกุกไปไว้ในสวนองุ่นได้ มูจีเริ่มส่งทีมค้นหาเสื้อผ้าของชีกุกและอาวุธมีดทั้งบริเวณรอบนอกและในเรือนจำ เพราะในวันที่ชีกุกถูกทำร้าย เขาสวมกางเกงชั้นในเพียงตัวเดียวเท่านั้น มูจีเชื่อว่าต้องมีอะไรสักอย่างในเสื้อผ้าของชีกุกที่ผู้ต้องหาอ้างว่าเผาทิ้งไปแล้ว

ดร.อี โทรนัดพบกับหมอโยฮันเพื่อคุยเรื่องคดีฆาตกรรมรายล่าสุด แต่ทว่าหมอโยฮันไม่คุยด้วยและฆ่า ดร.อี จนเสียชีวิตในกระเช้าชิงช้าสวรรค์ที่สวนสนุกแห่งหนึ่งและนำศพไปถ่วงน้ำ

บารึมอยากช่วยมูจีจับคนร้ายให้ได้ แต่มูจีคิดว่าบารึมไม่อาจรับมือกับฆาตกรที่เป็นไซโคปาธได้ นอกจากเขาที่ไม่มีอะไรจะเสียและในใจที่เต็มไปด้วยความแค้น

ขณะที่โอบงอีกำลังซ้อมมวยอยู่นั้น เธอเห็นภาพหลอนใบหน้าคนร้ายคังด๊อกซู ที่เธอยังคงจำประสบการณ์เลวร้ายที่เคยเกิดขึ้นได้ บารึมไปรับบงอีแทนคุณยายและพาเธอไปกินข้าว จู่ๆ บงอีก็ขอให้บารึมแต่งงานกับเธอ บารึมไม่รู้ว่าบงอีคิดอะไรอยู่ แต่เขาก็ปฏิเสธและบอกว่าเห็นเธอเหมือนกับน้องสาว

บงอีไปด้อมๆ มองอยู่ที่สถานีตำรวจแต่ไม่กล้าเข้าไป มูจีรู้สึกคุ้นหน้าเหมือนเด็กคนหนึ่งเมื่อหลายปีก่อนที่เคยมาขอให้เขาฆ่าคนร้ายคังด๊อกซูให้ได้ ซึ่งมูจีได้ให้สัญญากับเด็กคนนั้นไว้ว่าถ้าด็อกซูพ้นโทษออกมา เขาจะฆ่าด๊อกซู พีดีชเวไปหามูจีที่ ส.น. นักสืบชินจึงชงกาแฟให้เธอ โดยที่ไม่รู้ว่านั่นคือหลักฐานที่อยู่ในมือของเหยื่อโจมีจองในสวนองุ่น หัวหน้าขอให้มูจีและนักสืบชินปิดเรื่องนี้เป็นความลับ เพราะเกรงว่าจะถูกกล่าวหาว่าทำลายหลักฐาน อีกทั้งกำชับให้ไปบอกพีดีชเวด้วย

อีกสองเดือนคังด๊อกซูจะถูกปล่อยตัวเพราะคำร้องไม่แน่นหนักเพียงพอ บาทหลวงโกมูวอนและดงกูไปให้ปากคำที่สถานีตำรวจเกี่ยวกับคดีทำร้ายร่างกายชีกุก

ชีกุกยังอยู่ในอาการโคม่าและนิ้วขาดไปนิ้วหนึ่งเนื่องจากไม่สามารถเย็บต่อได้ มูจีแปลกใจว่าทำไมคนร้ายจงใจทิ้งนาฬิกาของชีกุกไว้ในที่เกิดเหตุ ในเมื่อมันจะทำให้ถูกตำรวจจับได้ มูจีอยากรู้อาการของชีกุกโดยละเอียด จึงฝากนามบัตรไว้ให้หมอโยฮันเจ้าของไข้

เมื่อมีข่าวออกมาว่าซองกาแฟที่เป็นหลักฐานถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจทำลาย มูจีคิดว่าพีดีชเวเป็นคนปล่อยข่าว เขาจึงขับรถไปหาเธอ และเห็นเธอกำลังยืนกอดกับหมอโยฮัน หมอโยฮันไปหาพีดีชเวและบอกว่าเขากลัว ในคืนนั้นพวกเขานอนด้วยกัน พีดีชเวรู้อยู่แก่ใจว่าหมอโยฮันคือลูกชายของฮันซอจุนที่มูจีกำลังตามหา

หลังจากมีข่าวเรื่องหลักฐานถูกทำลาย มูจีถูกถอดออกจากคดีฆาตกรรมต่อเนื่องมูจินและจะต้องถูกย้ายไปอยู่ที่สถานีอื่น เขาจึงรู้ว่าคนที่เปิดโปงข่าวเรื่องหลักฐานก็คือรุ่นพี่คังกีฮยอกที่ไม่ลงรอยกับเขานั่นเอง

เจ้าหน้าที่สวนสนุกพบคราบเลือดบนชิงช้าสวรรค์แต่ไม่พบร่างของเหยื่อ มูจีไปที่เกิดเหตุซึ่งมีซิปเสื้อของคนร้ายตกอยู่ จากนั้นเขาจึงไปโรงแรมที่ ดร.อี พัก เมื่อดูกล้องวงจรปิด จึงเห็นว่าในวันนั้น ดร.อี กำลังโทรหาใครคนหนึ่ง

บงอีตบหน้าเพื่อนที่โรงเรียนเพราะชอบพูดถึงเธอในทางเสียๆหายๆ คุณครูจึงเรียกคุณยายไปพบ เพราะเธอใช้ความรุนแรงในโรงเรียน คุณยายต่อว่าบงอีที่ไม่ค่อยเชื่อฟัง บงอีน้อยใจและบอกว่าเป็นเพราะเธอเชื่อฟังคุณยายมากเกินไป จึงออกไปซื้อมักกอลลีในคืนนั้น และเกิดเหตุการณ์เลวร้ายขึ้น ระหว่างที่บงอียังไม่กลับบ้านและซ้อมมวยอยู่ที่โรงยิม คุณยายได้หยิบมีดที่เก็บไว้มานาน และบอกตัวเองว่าจะเป็นคนจัดการคังด๊อกซูให้ได้ จากนั้นคุณยายจึงวานให้บารึมไปรับบงอี

คุณยายแอบไปหางานทำเพื่อจะหาเงินชดใช้ค่าเสียหายให้คู่กรณีของบงอี แต่เนื่องจากอายุของคุณยาย เจ้าหน้าที่จึงไม่อาจให้งานท่านได้ ขณะที่เจ้าหน้าที่ไปเข้าห้องน้ำ คุณยายจึงช่วยรับโทรศัพท์และไปตามที่อยู่นั้นด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นบ้านของหมอโยฮัน โดยอ้างว่ามาแทนแม่บ้านที่ป่วย มูจีรู้แล้วว่าคนที่ ดร.อี โทรหาครั้งสุดท้ายก็คือหมอโยฮัน เขาจึงโทรนัดพบกับหมอ ก่อนออกจากบ้าน หมอโยฮันวางซองเงินไว้ให้คุณยายและบอกให้ท่านกลับไป แต่เขาลืมกุญแจที่เสียบคาประตูห้องไว้ คุณยายเห็นว่าได้เงินเยอะจึงอยากจะทำงานที่นี่ต่อ

หมอโยฮันบอกมูจีว่าเขาไม่รู้จัก ดร.อี เป็นการส่วนตัว และในวันนั้น ดร.อี คงโทรผิดหมายเลข หมอโยฮันอ้างว่าในวันเกิดเหตุเขาลาป่วยและพักอยู่ที่บ้านกับเพื่อนชื่อคิมจุนซอง เมื่อนึกได้ว่าตนเองลืมกุญแจห้อง หมอโยฮันจึงรีบกลับบ้านทันที

นิ้วมือที่ขาดของชีกุกถูกเก็บอยู่ที่โรงพยาบาล เมื่อบารึมนำไปให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงรู้ว่านี่ไม่ใช่นิ้วของชีกุก เพราะชีกุกมีรอยแผลที่นิ้วขณะที่ตกปลาด้วยกันก่อนที่จะเกิดเหตุ บารึมบอกเรื่องนี้กับมูจี พวกเขาจึงรีบไปที่โบสถ์ในเรือนจำทันที

คุณยายไม่ยอมกลับบ้านและทำความสะอาดต่อไป เมื่อเห็นกุญแจห้องคาอยู่ คุณยายจึงเปิดเข้าไปดู เมื่อหมอโยฮันกลับมาถึงบ้าน คุณยายจึงขอตัวกลับด้วยความกลัวและลืมซองเงินไว้ เมื่อรู้ว่าคุณยายเห็นความลับและนำรูปเหยื่อรายล่าสุดไปด้วย หมอโยฮันจึงขับรถตามรถเมล์ที่คุณยายนั่ง

บงอีเพิ่งรู้จากบารึมว่าคุณณยายข้อเท้าบาดเจ็บเพราะลื่นล้มในคืนฝนตกขณะที่ออกไปรับเธอ บงอีจึงแวะซื้อเข็มกลัดอันใหม่ให้คุณยาย

มีเลือดหยดลงมาที่ดาดฟ้าของโบสถ์ในเรือนจำ บารึมรีบบอกมูจี มูจีปีนขึ้นไปบนดาดฟ้าและพบเครื่องแบบของชีกุกที่ถูกวางไว้เป็นรูปไม้กางเขนและมีมีดปักอยู่ ขณะที่บาทหลวงกำลังทำพิธีและพบนิ้วมืออยู่ในถ้วยไวน์แดง

คุณยายลงรถเมล์และเห็นหมอโยฮันตามมา จึงซ่อนตัวด้วยความหวาดกลัว บารึมได้รับข้อความจากเบอร์ของคุณยายจึงออกตามหา แต่ทว่าคุณยายนอนจมกองเลือดอยู่ บารึมวิ่งตาคนร้ายจนถูกรถชน เขาเห็นหน้าคนร้ายที่มายืนดูอยู่รางๆก่อนที่จะสลบไป