ชื่อเรื่องย่อหลัก

จีพยองบอกกับตัวเองว่า สักวันดัลมีคงจะเข้าใจและหันมามองเขาบ้าง ก่อนที่จะเล่าความจริงทุกอย่างให้เธอฟัง เมื่อเพื่อนๆ ของโดซานรู้เรื่องนี้แล้ว ทุกคนต่างก็เป็นกังวลว่า โดซานและดัลมีจะร่วมกันทำงานต่อไปได้อย่างไร โดซานสารภาพผิดและขอโทษดัลมี เขาเจ็บปวดกับเรื่องนี้มาตลอด เพราะอยากเป็นคนคนนั้นสำหรับเธอจริงๆ แต่เธอรู้สึกโดนหลอกมาตลอดและบอกว่าอยากให้เรื่องนี้เป็นแค่เรื่องไม่จริง จีพยองโทรถามคุณย่าด้วยความเป็นห่วงดัลมี ท่านบอกว่ายังไม่ได้คุยอะไรกับเธอ แต่ก็ไม่ให้จีพยองเป็นห่วงและบอกว่าอีกเดี๋ยวดัลมีก็ดีขึ้นเอง

โดซานกลับบ้านด้วยความเสียใจและร้องไห้อย่างหนัก เช้าวันต่อมาเขาไปรอดัลมีที่หน้าบ้าน เธอมีท่าทีเฉยชาและบอกว่า สิ่งที่ทรมานที่สุดสำหรับเธอตอนนี้ ก็คือการไปทำงานที่ต้องเห็นหน้าเขาและจีพยอง แต่เพราะใกล้วันเดโมเดย์และทำนุนกิลให้สำเร็จ เธอจึงต้องจำใจไปและขอร้องเขาให้เจอหน้ากันเฉพาะในที่ทำงานเท่านั้นพอ

อินแจไปที่บริษัทฮาอุนการก่อสร้าง ซึ่งมีกลุ่มผู้ประท้วงยืนชุมนุมอยู่ด้านหน้า เธอพานักข่าวไปด้วยและบอกให้ลงรูปกับคลิปให้เยอะๆ อินแจขอคุยกับนัมซองฮวาน ซึ่งเป็นผู้จัดการคนงาน และขอเข้าร่วมประชุมกับฮาอุนด้วย ต่อมาเมื่ออินแจรู้ว่าเขาคือพ่อของนัมโดซาน เธอจึงใส่ไฟด้วยการบอกว่าซัมซานเทคก็สร้างโซลูชั่นเหมือนกับเธอ ที่ทำให้คนตกงาน แต่ทำไมพ่อของเขาจึงออกมาต่อต้าน และสงสัยว่านัมโดซานคงยังไม่รู้เรื่องนี้ ซองฮวานแกล้งเป็นลมและกระซิบบอกนักข่าวชเวไม่ให้นำเรื่องนี้ออกอากาศเด็ดขาด หลังจากเพื่อนร่วมงานพาเขากลับมาพักที่บ้าน ซองฮวานบอกกับภรรยาว่า เขาไม่อยากทำลายอนาคตของลูก

ในแซนด์บอกซ์รุ่นก่อน ประธานชาร์จจิงพาร์ตเนอร์ได้ฆ่าตัวตายหลังจากเดโมเดย์ไม่นาน เพราะถูกแรงกดดันจากคำถามของนักลงทุน ประธานยุนจึงไม่สบายที่รู้ว่า น้องชายของผู้ตายเข้ามาอยู่ในแซนด์บอกซ์รุ่นที่12 นี้ด้วย ซึ่งอาจเป็นคนเดียวกับที่เขียนป้ายแรงบันดาลใจไว้ว่ามาเพื่อการแก้แค้น เพราะทางครอบครัวอาจจะเข้าใจผิดว่าเขาตายเพราะคนในแซนด์บอกซ์

อเล็กซ์ควอนบอกโดซานว่า เขาต้องการให้โดซานไปเป็นวิศวกรที่ซิลิคอนแวลลีย์ ซึ่งอยู่ที่สำนักงานใหญ่ทูสโทในซานฟรานซิสโก โดยมีค่าตอบแทนให้ปีละ300ล้านและหุ้นอีก1.5 พันล้าน เป็นเวลาสี่ปี แต่โดซานปฏิเสธโดยบอกว่าเขาไม่เหมาะกับงานนี้ อเล็กซ์จึงแนะนำว่า ไปทำสักสามปีแล้วค่อยกลับมาก็ได้ อเล็กซ์พยายามโน้มน้าวโดยอ้างถึงความสำเร็จและเงินก้อนโตที่จะได้ แต่โดซานบอกว่าความฝันของเขาไม่ใช่ความสำเร็จแต่คือคน

ดัลมีพยายามฝืนทำตัวให้เป็นปกติต่อหน้าทุกคนในสำนักงาน ในขณะที่โดซานยังคงมีท่าทางซึมเศร้า จีพยองไปหาคุณย่าที่ร้านและบอกว่าเขาไม่สบายใจเพราะเห็นดัลมีร้องไห้หนักมาก คุณย่าก็โทษตัวเองเช่นกันที่ทำเรื่องนี้ไว้ตั้งแต่แรก แม้มันคือการโกหกเพราะเจตนาที่ดี แต่ถึงอย่างไรมันก็คือการโกหกที่ทำให้ใครบางคนเจ็บปวด

จีพยองบอกดัลมีว่า ที่จริงเขาและโดซานไม่ได้สนิทกันอย่างที่เคยบอก และค่อนข้างจะไม่ค่อยถูกกันซะด้วยซ้ำ แต่ที่โดซานไปพบเธอที่งานเน็ตเวิร์กกิ้งปาร์ตี้ในตอนแรก รวมทั้งการเสนอชื่อเธอเป็นซีอีโอที่แซนด์บอกซ์ เป็นความตั้งใจของโดซานเอง หลังจากนั้นจีพยองก็สารภาพว่าเขาชอบเธอ แต่ไม่ได้คาดหวังคำตอบอะไร เพราะไม่อยากให้ต่างฝ่ายต้องอึดอัดหรือคอยหลบหน้ากัน

อาฮยอนยังคงตระเวนหางานพาร์ทไทม์ และตัดสินใจขอทำงานกับคุณย่าตามที่ท่านได้ติดประกาศไว้ เธอเล่าความจริงให้ท่านฟังว่า ออกจากบ้านมาเป็นเดือนแล้ว โดยอาศัยนอนตามร้านเน็ตหรือไม่ก็โรงซาวน่า แต่คุณย่าบอกว่าเธอเป็นเพียงอดีตลูกสะใภ้ที่ทำให้ลูกชายของท่านเจ็บปวด และขอให้อยู่อย่างคนแปลกหน้าต่อไปอย่างเดิมดีกว่า
จีพยองขอให้โดซานช่วยจดหลายๆ คำถามที่ดัลมีจะต้องเจอในวันเดโมเดย์ ซึ่งไม่ว่าจะตอบอะไร นักลงทุนก็จะตั้งคำถามเพื่อโจมตีและกดดัน จีพยองจึงขอให้โดซานเตรียมตัวให้ดีเพื่อไม่ให้ซอดัลมีต้องเจ็บปวด โดซานจดทุกคำถามไว้และบอกจีพยองว่า ตอนนี้เขาและจีพยองไม่ได้อยู่ในสถานะที่ต้องช่วยเหลือกันอีกต่อไป จีพยองจึงบอกว่าเขาจะทำหน้าที่พี่ชายเป็นครั้งสุดท้าย และได้บอกชอบกับดัลมีไปแล้วด้วย

โดซานแอบมองดัลมีที่ป้ายรถเมล์ฝั่งตรงกันข้าม ในขณะที่เธอกำลังนึกถึงคำพูดของจีพยองที่ว่า ใครมีความหมายมากกว่ากัน ระหว่างโดซานที่ลบอดีตออกกับโดซานที่ลบปัจจุบัน โดซานแอบตามดัลมีไปเรื่อยๆจนกระทั่งเธอเข้าไปนั่งดื่มเหล้าในร้าน เมื่อเห็นหญิงแปลกหน้าเข้ามานั่งคุยกับเธอ โดซานจึงแอบไปนั่งโต๊ะหันหลังชนกับเธอ และได้ยินว่าเธอกำลังสับสนว่าชอบใครกันแน่ ระหว่างโดซานที่เขียนจดหมายเมื่อสิบห้าปีก่อนกับโดซานในตอนนี้ และเธอกำลังสูญเสียความมั่นใจในตัวเองในทุกๆเรื่อง ผู้หญิงคนนั้นจึงเตือนสติว่า หากยิ่งหลงทาง ก็จะยิ่งเสียความมั่นใจไปเรื่อยๆ แม้มันจะยากแต่ก็ต้องใช้สติและเอาชนะมันให้ได้ โดยการเซ่นไหว้เพื่อขอความช่วยเหลือจากบรรพบุรุษ หลังจากนั้นก็จะมีแต่ความโชคดี โดซานได้ยินดังนั้น จึงลุกไปนั่งร่วมโต๊ะกับดัลมีทันทีและขอข้อมูลอ้างอิงจากผู้หญิงคนนั้น ซึ่งเธอเถียงไม่ออก ดัลมีบอกเธอว่าเขาคือนัมโดซานจากนั้นเธอก็เมาสลบซบที่ไหล่ของเขา ระหว่างทางที่โดซานแบกดัลมีกลับบ้าน เธอขอให้เขาทำตัวเหมือนครั้งแรกที่พบเธอในงานเน็ตเวิร์กกิ้งปาร์ตี้ ที่เขาช่วยลบความน่าสมเพชให้กับเธอ ซึ่งในตอนนั้นเขาเปรียบเสมือนถ้วยรางวัลและศักดิ์ศรี เป็นทั้งความสบายใจ ความฝันและปีกสำหรับเธอ และหากโดซานทำแบบนั้นอีกครั้ง ความมั่นใจของเธอก็จะกลับมา แต่โดซานคิดว่าเธอคงพูดเพราะความเมา และคงจะลืมทุกอย่างเมื่อสร่างเมา แต่ดัลมีบอกว่าเธอไม่ได้เมา โดซานจึงขอให้เธอนั่งรออยู่ที่สนามเด็กเล่น และเขาก็รีบวิ่งไปหายงซานกับชอลชานเพื่อขอยืมสูทตัวนั้น เมื่อวิ่งกลับมา เขาไม่เห็นดัลมีอยู่ตรงนั้นแล้ว

เช้าวันต่อมาโดซานบอกเพื่อนๆ ว่าเขาอยากใส่สูทตัวนั้นให้ดัลมีเห็น เพื่อเป็นกำลังใจให้เธอในวันเดโมเดย์ อินแจถามถึงพ่อของโดซาน จึงทำให้เขารู้เรื่องเหตุการณ์ที่พ่อไปประท้วงแล้วแกล้งป่วยกลับบ้าน จากนั้นโดซานก็ไปหาพ่อเพื่อบอกให้พ่อออกไปต่อสู้ต่อไป และการประท้วงของพ่อก็ไม่ใช่การขัดขวางอนาคตของเขาด้วย โดซานบอกกับพ่อว่า ขอให้เป็นพ่อลูกกันโดยที่ไม่ต้องเป็นความภูมิใจให้กันและกัน เพราะนั่นทำให้ต้องคอยปิดบังและต้องแกล้งสบายดีเพราะกลัวอีกฝ่ายจะผิดหวัง

จีพยองเป็นห่วงดัลมี จึงขอยืมเสื้อของพัคดงชอนเพื่อใส่เข้าไปปฐมนิเทศประธานบริษัทต่างๆก่อนเดโมเดย์ โดยเขาอ้างว่ามาแทนพัคดงชอนที่ติดธุระอื่น จีพยองบอกทุกคนว่าในการเดโม จะมีการถ่ายทอดสดเพื่อให้นักลงทุนได้ดูกันทั่วโลก ในขณะที่ดัลมีเป็นกังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากไม่สามารถดึงดูดนักลงทุนได้ แต่อินแจกลับต้องการฉวยโอกาสนี้เพราะรู้ว่าทูสโทกำลังมองหาพาร์ตเนอร์ จีพยองให้กำลังใจดัลมีโดยบอกว่า อย่าไปยึดติดกับบริษัทระดับโลก แต่ขอให้หานักลงทุนที่เหมาะกับปรัชญาธุรกิจของตัวเองก็พอ และทิ้งความกดดันไปให้หมด เหลือไว้เพียงคามมั่นใจขณะที่อยู่บนเวทีเท่านั้น การถ่ายทอดให้เห็นความกระตือรือร้น ก็ถือว่าเป็นความสำเร็จแล้ว

ขณะที่ทุกคนนั่งรอเวลาการเดโม ดัลมีได้ยินอินแจตอบคำถามของนักข่าวว่าเธอคือเด็กผู้หญิงในโลโก้ของแซนด์บอกซ์ เธอจึงวิ่งตามอินแจออกมา จีพยองเห็นเหตุการณ์และวิ่งตามดัลมีไป แต่ถูกเพื่อนๆของโดซานขัดขวาง จีพยองจึงฝากบอกดัลมีไม่ให้เธอกังวล เพราะเขาจะเป็นทางเลือกสำหรับเธอ และจะลงทุนให้เอง หากว่าไม่ผ่านการเดโม

อินแจยอมรับว่าเธอใช้เรื่องราวของดัลมีในตอนที่เข้าแซนด์บอกซ์ จนทำให้ประธานยุนและทุกคนเชื่อว่าเธอคือเด็กผู้หญิงในโลโก้ อินแจยังดูถูกดัลมีอีกว่า เป็นคนขี้กลัวจนไม่กล้าเล่นชิงช้าอีก โดซานขอให้อินแจขอโทษดัลมี ที่ขโมยความทรงจำดีๆระหว่างพ่อกับน้องไป และต่อว่าอินแจเป็นคนขี้ขลาดจนเกิดความไม่มั่นใจ

โดซานบอกดัลมีว่า ที่เขาไม่ใส่สูทมาในวันนี้เพราะไม่อยากให้เธอเกิดความสับสน เพราะตอนที่ใส่สูทครั้งนั้น มันไม่ใช่ตัวเขาจริงๆ และอยากให้เธอลบเรื่องราวของเขาทั้งหมดตั้งแต่แรก แต่ขอให้รู้ไว้อย่างหนึ่งว่า ซัมซานเทคอยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้ คือผลงานที่เธอสร้างขึ้นมาจริงๆ ไม่ใช่ของปลอม จากนั้นเขาขอให้เธอสู้ๆในการเดโมครั้งนี้

ยงซานหาว่าจีพยองเป็นคนฆ่าพี่ชายของเขาในแซนด์บอกซ์รุ่นก่อน แต่จีพยองบอกว่าไม่เคยรู้จัก ในขณะที่โดซานเปลี่ยนใจและยอมรับเงื่อนไขของอเล็กซ์ โดยบอกว่าเขาไม่ต้องการสร้างทางเลือกสำหรับความล้มเหลว เพราะเขาแอบได้ยินสิ่งที่จีพยองพูดว่าเขาจะเป็นทางเลือกให้ดัลมี