ชื่อเรื่องย่อหลัก

ในขณะที่ทุกคนกำลังเตรียมตัวกลับบ้าน แต่ยงซานขออยู่แบ็คอัพงานก่อน จองซาฮาเอ่ยปากว่าทำไมเขาถึงแบ็คอัพบ่อยๆ ทั้งๆ ที่ไม่มีข้อมูลอะไรให้แฮกเกอร์สามารถขโมยไปได้ เธอคิดว่าอะไรก็อาจเปลี่ยนไปได้ จากความสัมพันธ์ที่เคยรักกันมาก วันหนึ่งเขาอาจจะเปลี่ยนหน้ากากและกลายเป็นศัตรูก็ได้ แต่นัมโดซานคิดว่าไม่มีอะไรสามารถควบคุมได้ จึงจำเป็นต้องมีการแบ็คอัพอยู่เสมอ

ขณะที่ดัลมีทำแผลที่มือให้โดซาน เขาถามเธออีกครั้งถึงเหตุผลที่เธอชอบเขา แต่ดัลมีก็ยังคงให้คำตอบเหมือนเดิมว่า เธอชอบมือของเขา และบอกว่าตอนนี้เขาอยู่เคียงข้างเธอโดยสมบูรณ์แล้ว ซึ่งเธอจะไม่มีวันลืม

ดัลมีและจองซาฮาได้สัมภาษณ์หญิงตาบอดที่ใช้สุนัขนำทาง เพื่อหาแนวคิดพัฒนาโปรเจคของพวกเขา แต่ดัลมีคิดว่าหากทำให้สุนัขนำทางสามารถพูดได้ก็คงจะดี โดซานจึงคิดว่าเป็นไปได้ โดยทำให้ยองชิลซึ่งเป็นลำโพงปัญญาประดิษฐ์สามารถมองเห็นภาพและประมวลผลเสียงออกมา พวกเขาจึงตั้งชื่อแผนธุรกิจนี้ว่า “นุนกิล”

ดัลมีนำแผนนี้ไปปรึกษาจีพยอง แต่เขาไม่เห็นด้วยถึงแม้จะเป็นไอเดียที่ดีก็ตาม เพราะจะต้องมีค่าใช้จ่ายสูงมากสำหรับค่าเอพีไอ ถ้าหากมีผู้ใช้แอพนี้จำนวนมากขึ้น และคงไม่มีใครอยากลงทุน ดัลมีจึงท้าทายจีพยองว่าเธอสามารถโน้มน้าวใจเขาได้ โดยสวมสิ่งประดิษฐ์ไว้ที่นิ้วของเขา หากเขารู้สึกถูกโน้มน้าว ไฟก็จะติด จากนั้นเธอก็เริ่มเล่าเรื่องจดหมายเมื่อสิบห้าปีก่อน ซึ่งจีพยองเป็นคนเขียนเอง เขาได้ฟังเธอเล่าและรู้สึกใจสั่นไหว จนไฟที่นิ้วติด ทำให้ดัลมีคิดว่าเธอสามารถโน้มน้าวใจเขาได้ แต่เขาปฏิเสธว่าไม่จริงและเธอกำลังเข้าใจผิด เขาขอให้เธอลองคิดดูใหม่ เพราะแผนธุรกิจนี้อาจช่วยคนอื่นได้ แต่ตัวเองจะอดตาย แต่เธอยืนยันว่าจะทำและบอกว่าความสุขของเธออยู่บนความลำบาก ทั้งสองคนไม่รู้ว่าประธานยุนซอนฮักแอบฟังอยู่ด้านนอก

ยุนซอนฮักบอกจีพยองว่า สมัยที่เธอเป็นสาวๆ ก็ลำบากแบบนี้เหมือนกัน รู้สึกว่าตัวเองเหมือนขอทาน และต้องทำให้มันเป็นจริงขึ้นมาให้ได้ เช่นเดียวกับหนูน้อยบนชิงช้า จีพยองจึงบอกเธอว่าดัลมีเป็นน้องสาวของอินแจ ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าหนูน้อยบนชิงช้านั้นก็คือดัลมี

อาฮยอนโดนวอนดูจองระงับบัตรเครดิต เธอจึงคิดจะหางานพาร์ทไทม์ทำ โดยไม่ง้อสามี จนกระทั่งเขาโทรมาบอกว่าให้พาอินแจกลับบ้าน และเขาจะยอมเปิดบัตรเครดิตให้ แต่อินแจยืนกรานกับแม่ว่าเธอไม่กลับ และมีความสุขที่ได้อยู่คนเดียวแบบนี้โดยไม่ต้องพึ่งพาใคร

จีพยองนำรายชื่อบริษัทต่างๆ มาให้ดัลมีเลือก เพราะการพึ่งพาบริษัทใหญ่ เป็นทางเดียวที่จะทำเงินได้ ซึ่งมีอยู่สองลักษณะ ระหว่างบริษัทที่สนใจด้านสวัสดิการของผู้พิการ และบริษัทที่ต้องการกู้ภาพลักษณ์เพราะเจ้าของมีปัญหา ดัลมีรู้สึกขอบคุณในน้ำใจที่จีพยองคอยช่วยเหลือ เธอจึงถามวันเกิดของเขาเพื่อจะตอบแทน และแปลกใจที่รู้ว่าวันเกิดตรงกับนัมโดซาน

ดัลมีเริ่มออกไปเสนอโปรเจ็กต์ให้กับบริษัทต่างๆตามรายชื่อที่จีพยองให้มา โดยไม่ได้บอกนัมโดซาน แต่ก็ยังไม่มีใครรับพิจารณาแผนงานนี้ จนกระทั่งเธอขอติดรถอีฮเยวอนไปที่คาพยองด้วย เพื่อถือโอกาสเสนอแผนธุรกิจนี้ให้เธอ แต่อีฮเยวอนบอกว่าปีนี้เธอลงทุนด้านอื่นไปแล้ว และจะรับพิจารณาแผนของดัลมีในปีหน้า จากนั้นอีฮเยวอนก็โทรบอกจีพยอง เขาจึงขับรถมารับเธอ โดยอ้างว่าชอบมาแถวนี้เพื่อที่จะกินเมล็ดสนที่เขาชอบ ระหว่างทางกลับดัลมีหลับในรถเพราะความอ่อนเพลีย และทำผ้ารัดผมหล่นอยู่ที่เบาะ ในขณะที่โดซานและเพื่อนๆช่วยกันทำแผนธุรกิจนี้จนสำเร็จ 97%

ทีมซัมซานเทคตัดสินใจอัพโหลดแอพนุนกิล เพื่อดูจำนวนผู้ใช้และฟีดแบค แต่ในใจดัลมีไม่ต้องการให้มียอดสูง เพราะติดเรื่องนักลงทุน

สายตาของคุณย่าเริ่มพร่ามัวมากขึ้น จนไม่สามารถกดรหัสประตูเข้าบ้านได้ เธอจึงเปลี่ยนมาใช้กุญแจแบบเดิม ดัลมีจึงต่อว่าที่คุณย่ากลับไปใช้ของย้อนยุค จากนั้นเธอก็ลองให้คุณย่าใช้แอพนุนกิล โดยบอกว่าเป็นไอเดียของนัมโดซาน คุณย่าพอใจกับการใช้นุนกิลและรู้ดีว่าโดซานทำเพื่อเธอ จากนั้นคุณย่าก็เขียนฟีดแบคลงในไดอารี่และมอบให้โดซาน

ทุกคนแปลกใจที่จำนวนผู้ดาวโหลดแอพนุนกิลมีจำนวนน้อยกว่าที่คิดไว้ นัมชอนโฮผู้ถือหุ้นหนึ่งเปอร์เซ็นต์และเป็นลูกพี่ลูกน้องของโดซานจึงบอกว่า ปัญหาอยู่ที่การตลาดซึ่งเขามีแผนช่วยไว้ในใจแล้ว

พัคชานโฮนักเบสบอลระดับชาติอยู่ที่อเมริกา ได้รับข้อความภาพคู่ของเขากับโดซานจากนัมชอนโฮและบอกว่า ตอนนี้หนุ่มน้อยโดซานเริ่มทำสตาร์ทอัพแล้ว หลังจากนั้นพัคชานโฮออกสื่อให้สัมภาษณ์และพูดถึงนุนกิล จีพยองแทบไม่เชื่อว่านุนกิลได้ออกสื่อถึงอเมริกา และมีผู้ดาวโหลดจำนวนมากจากหลายประเทศทั่วโลก ดัลมีคำนวณว่าหากดีเอยูแตะ30000 ก็จะมีรายได้ประมาณ พันล้านวอนต่อปี ทุกคนต่างพากันดีใจและได้รับเสียงปรบมือจากทีมอื่นๆในแซนด์บอกซ์ด้วย

ประธานวอนดูจองแจ้งความเพื่อเอาผิดนัมโดซานที่ทำลายป้ายชื่อของเขาในออฟฟิศเมื่อวันก่อน ตำรวจจึงเรียกโดซานไปพบเพื่อให้ยอมไกล่เกลี่ยเจรจา เพราะไม่เช่นนั้นคดีก็จะถึงอัยการถึงขั้นพิจาณาคดีในศาล

ในเมื่อหมดทางหานักลงทุน ดัลมีจึงจำใจไปหาวอนดูจอง เพื่อให้มอร์นิ่งกรุ๊ปลงทุนให้ แต่เธอเห็นโดซานกำลังคุกเข่าต่อหน้าประธานวอน เธอจึงเปิดคลิปเสียงที่อัดไว้ในวันที่ไปเสนอแผนธุรกิจ ซึ่งสามารถแจ้งสื่อเพื่อทำลายชื่อเสียงของเขาและมอร์นิ่งกรุ๊ปได้ ประธานวอนจึงต้องยอมทำข้อเรียกร้องของดัลมีรวมทั้งถอนแจ้งความนัมโดซานด้วย
โดซานมอบฟีดแบคที่คุณย่าเขียนไว้ให้กับดัลมี เขาบอกความจริงกับเธอเรื่องสายตาของคุณย่าและขอให้เธอยิ้มเข้าไว้ เพราะนั่นคือสิ่งที่คุณย่าอยากเห็น เมื่อกลับถึงบ้าน ดัลมีบอกคุณย่าว่าขอให้เธอได้ร้องไห้ในวันนี้อีกครั้ง และต่อไปเธอจะยิ้มให้คุณย่าตลอดเวลา และเธอตั้งใจจะทำนุนกิลให้สำเร็จให้ได้เพื่อคุณย่า

ดัลมีนำเมล็ดสนของโปรดจีพยองไปให้พร้อมเขียนวิธีปรุงอย่างละเอียด เพื่อเป็นการตอบแทนและเป็นของขวัญวันเกิดย้อนหลัง จีพยองจึงมอบแผนธุรกิจที่เขาปรับแต่งแล้วให้เธอสำหรับเดโมเดย์ที่กำลังจะมาถึง ดัลมีดูแผนธุรกิจที่จีพยองเขียนและรู้สึกคุ้นเคยกับลายมือนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับจดหมายในวัยเด็กแล้ว จึงได้รู้ว่าลายมือเหมือนกันมาก ในขณะที่โดซานกำลังน้อยใจเมื่อจีพยองฝากผ้ารัดผมมาคืนดัลมี