ก่อนสิ้นใจราชเลขาอีทูลฝ่าบาทว่าเมื่อเขาตายแล้วให้นำร่างของเขาแขวนเอาไว้ที่ประตู ให้ราษฎรได้เห็นว่าฝ่าบาททรงลงโทษอาชญากรตามกฎหมายฝ่าบาทไม่เห็นด้วย เพราะพระองค์ไม่เคยคิดว่าราชเลขาอีคือกบฎ ราชเลขาอีคือข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์ของพระองค์ ราชเลขาอีดีใจที่ได้ยินคำพูดเช่นนั้นจากพระองค์ก่อนจะสิ้นใจในอ้อมแขนของพระองค์

ยุนซอตั้งใจหาร้านเพื่อจะชวนทนายไปเดท แต่อัยการยูนัดทนายควอนไปดื่มด้วยกันก่อนแล้ว ยุนซอที่จองร้านอาหารเรียบร้อยแล้วจึงต้องโกหกทนายควอนว่าเธอนัดกับทนายดันเอาไว้

ยุนซอคาดหวังว่าทนายควอนจะต้องสารภาพรักกับเธอ เธอเฝ้ารอแต่ทนายควอนก็ไม่มีที่ท่าจะสารภาพรักกับเธอเลย เมื่อเลิกงานและกลับถึงบ้านแม้จะพยายามบอกตัวเองว่าให้พยายามทำตัวนิ่งๆและรออย่างใจเย็น แต่ทว่ายุนซอก็ดันดื่มไวน์จนเมาและโทรไปสารภาพรักกับทนายควอนและบอกความในใจที่เธอรู้สึกกับทนายควอนทั้งหมด

หลังจากที่ฮเยจาได้อัดเสียงให้รถขายไข่ไก่ เถ้าแก่ซูเปอร์มาร์เก็ตก็ต้องการให้ฮเยจาอัดเสียงเพื่อประชาสัมพันธ์ขายของแผนกอาหารและได้รับสิ้นค้าในซูเปอร์เป็นค่าตอบแทน

ยองซูชวนฮเยจามาร่วมไลฟ์กับเขา

ฮเยจาแปลกใจที่เจอจุนฮาในสถานที่แบบนี้ แทนที่จะเป็นนักข่าว ฮเยจาจึงพยายามคิดว่าจุนฮาน่าจะปลอมตัวมาเพื่อจะมาเปิดโปงศูนย์แห่งนี้แน่ๆ

ฮเยจารู้สึกว่าตัวเองไม่เหมาะกับสถานที่แห่งนี้เลย

ฮเยจาพยายามถามจุนฮาว่าเขาแอบปลอมตัวมาใช่มั้ย แต่จุนฮาก็ยืนยันว่าเขาทำงานที่นี่จริงๆ และบอกให้คุณยายอยู่จนจบวัน

เพราะเป็นพระราชาที่ไร้ซึ่งอำนาจ พระราชากยองจงจึงยอมจับมือกับองค์ชายมิลพุงเพื่อต่อกรกับพรรคโนรน

เมื่อผลประกาศสอบราชการออกมาและไม่มีรายชื่อพัคมุนซู เขามั่นใจว่าในการสอบครั้งนี้จะต้องมีการทุจริตเขาต้องการดูกระดาษคำตอบของคนที่สอบผ่านจึงไปนั่งประท้วงอยู่ที่หน้าซูกวอนโซ

ผู้ตรวจการฮันเสียชีวิตท่ามกลางความเสียใจและข้อสงสัยมากมาย ยอจี มุนซู รวมถึงองค์ชายยอนอิงต่างหารู้สึกเจ็บปวดต่อการตายของผู้ตรวจฮัน

ท่ามกลางการสูญเสียของคนที่เป็นที่รักข้างๆ องค์ชายยอนอิง ทั้ง พระราชาซุกจง องค์ชายยอนรยอง รวมถึง ผู้ตรวจการฮัน องค์ชายยอนอิงทรงโศกเศร้าเสียใจมากเป็นที่สุด

ขันทีโจรีบทูลแจ้งต่อฝ่าบาทว่าองค์ชายจินพยองนำทัพกบฎเคลื่อนมายังราชวัง และไปยังประตูทางทิศตะวันตก ทางตำหนักของพระพันปี และขณะเดียวกันราชเลขาอีก็นำจดหมายฝากมาถึงฝ่าบาทว่าเขากำลังไปตามพระราชสาสน์ที่หายไปแต่เพราะสถานการณ์ในวังและทหารที่มีอยู่นั่นไม่สามารถจะปกป้องและต้านทานทัพกบฎได้กว่าจะทัพเสริมจะมาถึงก็ไม่ทันการณ์

ระหว่างที่ราชเลขาอีเดินทางไปรับพระสัสสุระ ฮาซอนไปหาพระมเหสีและไปที่ทะเลด้วยกัน มเหสีไม่เคยเห็นท้องทะเลและทิวทัศน์เช่นนี้มาก่อน ฮาซอนดีใจที่ได้พาพระมเหสีมาพักแม้จะเป็นเพียงแค่สิ่งเล็กๆที่ทำให้พระนางได้ ฮาซอนได้สัญญากับพระมเหสีว่าจะกลับมาที่นี่อีกครั้งในหน้าหนาวตามที่พระมเหสีต้องการและจะปั้นตุ๊กตาหิมะด้วย ระหว่างทางกลับ ทั้งคู่เดินผ่านต้นบ๊วยสองต้นที่ลำต้นโค้งเข้าหากัน ตามตำนานถ้าหากคู่รักเดินลอด

กูชอลสารภาพว่าเขารู้ทุกอย่าง รู้เรื่องของที่มีพลังพิเศษเหนือธรรมชาติ และการที่ดาอินต้องนอนเป็นเจ้าหญิงนิทรา และโกแดซูต้องมาตายแบบนี้ก็เพราะ "ของพิเศษ" ที่เรียกว่า "อัลบั้มรูป" กูชอลบอกคังกนว่าหากเปิดอัลบั้มนั้นและพูดชื่อใคร วิญญาณของคนคนนั้นจะถูกจองจำในอัลบั้มร่างกายจะแน่นิ่งขยับไม่ได้ และถ้าฉีกรูปภาพของคนคนนั้นในอัลบั้ม คนคนนั้นก็จะต้องตาย กูชอลยอมรับว่าเขาเองก็เคยใช้อัลบั้มนั้น โซยองได้ยินที่

โซยองได้ข้อมูลจากกล้องวงจรปิดจึงนัดคังกนออกมาเจอ ผลการวิเคราะห์ออกมาว่าเขาพูดคำว่ากำไลซ้ำกันหลายครั้ง และมีคำว่า ฮักแจ และไอเทม โซยองพูดถึงกำไล คังกนไม่อยากให้โซยองรู้เรื่องกำไลเพราะไม่อยากให้มีอันตราย แต่โซยองจึงบอกคังกนว่าถ้าร่วมมือกันจะไขคดีได้เร็วขึ้น คังกนจึงเอากำไลออกมาและบอกว่าตอนที่คนร้ายเข้ามาที่บ้าน ดาอินคงซ่อนเอาไว้ในสายเมโลเดียน กนจึงใส่กำไลนั้นและแสดงให้โซยองได้เห็นพลังของมัน

ที่ข้อมือของดาอินและแดซูมีรอยสัก ลายเดียวกัน คังกนบอกเรื่องนี้กับโซยอง และเขาจะต้องรู้ให้ได้ว่ารอยสักนั้นคืออะไร คังกนกับโซยองไปหาเบาะแสเพิ่มเติม แลเข้าไปค้นที่ห้องของแดซู จึงทำให้รู้ว่ารอยสักที่เห็นบนข้อมือของดาอินและแดซู คือลายเดียวกับตราประทับที่สวนสนุกที่ปั๊มลงบนแขนเด็กๆ คังกนจำได้เพราะเขาไปที่สวนสนุกนั้นบ่อยๆตอนเป็นเด็ก